Tainted Grail: Kings of Ruin เป็นเกมสำหรับผู้เล่น 1-4 คน โดยทุกคนจะเลือกตัวละครที่มีความสามารถและเนื้อเรื่องส่วนตัวแตกต่างกันออกไป โดยเกมนี้จะมีทั้งหมด 10 บท แต่ละบทใช้เวลาประมาณ 2-4 ชั่วโมง
วิธีการเล่นเกมคือ: จัดเตรียมตัวละครและวางไว้บนแผนที่ตรงกลาง โดยตัวของเราจะออกเดินทางและดำเนินเกมผ่าน event card และเหตุการณืที่เราจะพบเจอในการ์ดแผนที่ช่องนั้นๆ
ตัวละครจะมีทรัพยากรที่คุณต้องทำการรวบรวมและใช้ในการผจญภัย เช่น อาหาร เงิน พลังวิเศษ พลังงาน ฯลฯ พลังงานจะใช้ในการทำกิจกรรมส่วนใหญ่ในเกมอย่างการเดินทางและการสำรวจสถานที่ ผ่านทาง Journal Book เมื่อพลังงานเริ่มต่ำ คุณต้องเติมพลังใหม่โดยการเลือกจบวัน ซึ่งจะคุณอาจจะกินอาหารที่มีเพื่อรักษาตัวเอง และพักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการผจญภัยในวันต่อไปโดยการเปิด event card
ระหว่างการผจญภัย คุณจะต้องเผชิญกับอุปสรรคที่ต้องต่อสู้หรือเจรจาผ่านทาง combat deck หรือ diplomacy deck
หัวใจสำคัญของเกมคือการสำรวจและค้นหาคำตอบตามที่ chapter card กำหนด ในระหว่างการสำรวจ คุณอาจต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้หรือการเจรจาเป็นระยะๆ ขณะเดียวกันการเปลี่ยนแปลงในแต่ละวันก็จะทำให้โลกเกมเคลื่อนไปข้างหน้าผ่านการ์ดเหตุการณ์ใหม่ๆ ทุกวัน คุณจะต้องสำรวจ ต่อสู้/เจรจา ใช้พลังงาน เติมพลังงาน ซ้ำแบบนี้วนไปเรื่อยๆ เพื่อค้นหาคำตอบและบรรลุเป้าหมายที่ chapter card กำหนดไว้
ดินแดนแห่งนี้มีเส้นทางหลักเชื่อมต่อทุกพื้นที่เข้าด้วยกันชื่อ King’s Pass แต่จุดเชื่อมทางสุดท้าย (Waystone) ได้แตกหัก ส่งผลให้ไม่มีใครสามารถเดินทางระหว่างภูมิภาคต่างๆ ได้ เนื่องจากมีพลังลึกลับชื่อ Wyrdness ขวางกั้นเส้นทาง ตัวละครของคุณจึงติดอยู่บนเกาะนี้เป็นเวลายาวนานถึง 10 ปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกมเริ่มต้นขึ้น Wyrdness เริ่มจางหายไป นั่นจึงเป็นโอกาสให้ตัวละครสามารถเดินทางผ่าน King’s Pass และกลับไปยังบ้านเกิดได้ในที่สุด นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งสำคัญ หลังจากติดอยู่บนเกาะนานนับทศวรรษ
จุดเด่น
mini มีรายละเอียดสวยงามมากเช่นเคย โดยเฉพาะรุ่น Sundrop ที่มีการระบายเงาและปัดแปรงสีอย่างสวยงาม เมื่อผนวกกับศิลปะบนการ์ดสถานที่ Kings of Ruin จึงน่าดึงดูดในการสำรวจเป็นอย่างยิ่ง
งานศิลปะมีคุณภาพโดดเด่นยิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการ์ดขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ หรือ Journal book คุณจะได้พบกับผลงานศิลปะที่กระตุ้นจินตนาการอันงดงามทุกหนแห่ง การผจญภัยจะนำเสนอเรื่องราวสั้นๆ จากการ์ด ภาพรวมของโลกดูสวยงามมีภาพประกอบที่น่าสนใจและตื่นตาตื่นใจ รวมทั้งการ์ดต่างๆที่ปรากฎในเกม และ Journal book
มีการปรับปรุงองค์ประกอบต่างๆ จาก Fall of Avalon มากมายจนเกินกว่าจะพูดได้หมดในที่นี้ แต่คุณสามารถเชื่อมั่นได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่น่าชื่นชมมากมาย หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ การไม่มี (Menhirs) อีกต่อไป แต่ใช้ Waystones ขนาดเล็กแทน ซึ่งไม่บังการ์ดสถานที่ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ารำคาญมาก
ในแง่ของเกมเพลย์ก็มีการปรับปรุงมากขึ้นเช่นกัน ผู้เล่น Fall of Avalon จะทราบดีว่าการฟาร์มของในเกมนี้น่าเบื่ออย่างยิ่ง มันไม่ได้ทำเกมสนุกหรือให้อารมน์ความรู้สึกของการเอาชีวิตรอดแต่อย่างใด ยกตัวอย่าง
“อาหารเริ่มหมด เราต้องใช้เวลาหนึ่งวันในการทำฟาร์มหาอาหาร แล้วพอดีว่า Menhir ใกล้ๆ ก็ใกล้หมดเวลาแล้ว เราต้องหาเงินและ magic มาเติมให้มัน เดินทางไปหาจุดที่มีเหตุการณ์ต่างๆ ให้ทำเพื่อรับรางวัลเป็นเงินและ magic” ฯลฯ
Kings of Ruin จึงได้ตัดระบบการฟาร์มแบบนี้ทิ้งไป! เริ่มแรกคือคุณไม่จำเป็นต้องกินอาหารเป็นประจำทุกวันแล้ว คุณใช้อาหารก็ต่อเมื่อต้องการรักษาหรือเพิ่มพลังงานเท่านั้น และที่สำคัญคือคุณจะมีพลังงานเพิ่มขึ้นทุกวันหลังการพักผ่อน ถ้าคุณไม่ได้ใช้พลังงานจนหมด คุณจะได้รับพลังงานเพิ่ม 5 หน่วย, 6 หน่วยถ้ากินอาหาร และ 7 หน่วยถ้าเล่นคนเดียวด้วย ซึ่งดีกว่า Fall of Avalon ที่ได้รับแค่ 4 หน่วยต่อวัน!!! นอกจากนี้การสำรวจไม่ใช้พลังงานแล้วด้วย! ตอนนี้มีเพียงบางตัวเลือกในการสำรวจเท่านั้นที่ต้องใช้พลังงาน ซึ่งทำให้รู้สึกสบายขึ้นมาก เพราะคุณสามารถแวะสำรวจสถานที่ต่างๆ โดยไม่ใช้พลังงานได้ซึ่งทำให้การสำรวจนั้นน่าสนุกเพราะไม่ต้องมาคอยพะวงกับพลังงานที่มีจำกัดอีกต่อไป
นอกจากนี้แต่ละบทในแคมเปญจะจำกัดพื้นที่การสำรวจเป็นบางส่วนของเกาะเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งเกาะดังเช่นเดิม การจำกัดพื้นที่นี้ช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ได้มากมาย
อย่างแรก มันแก้ปัญหาด้านความสมดุลและความก้าวหน้าในการสำรวจ ที่เดิมคุณอาจไปถึงสถานที่ที่ยังไม่พร้อมให้สำรวจ และต้องย้อนกลับมาในภายหลัง หรืออาจเจอจุดสำรวจที่มีการตรวจสอบค่าความสามารถสูงเกินไปในช่วงต้นเกม
อีกประการหนึ่ง การจำกัดพื้นที่ทำให้การเล่าเรื่องมีทิศทางและมีความหมายมากขึ้น เนื่องจากเกมสามารถกำหนดเวลาได้อย่างเหมาะสม ตัวอย่างเช่น เกมสามารถติดตามระยะเวลาที่คุณใช้ไปได้ และเมื่อคุณอยู่ในพื้นที่หนึ่งเป็นการแน่นอน เกมจึงสามารถนำเสนอเหตุการณ์สำคัญที่เปลี่ยนเรื่องราวได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
โดยสรุป การจำกัดพื้นที่ในแต่ละบทช่วยแก้ปัญหาหลายด้าน ทั้งความสมดุล ความคืบหน้า และการเล่าเรื่อง ทำให้ประสบการณ์การเล่นดีขึ้นกว่าการสำรวจได้ทั่วทั้งเกาะแบบเดิม
การมีเนื้อเรื่องและพื้นที่การสำรวจที่จำกัดลงนั้น ช่วยลดความน่าเบื่อหน่ายหากคุณทำผิดพลาดระหว่างการสำรวจ เนื่องจากมันง่ายกว่าในการคาดเดาว่าควรทำอะไรต่อไป และเดินทางไปยังจุดหมายได้รวดเร็วขึ้น
นอกจากนี้ แผนที่ที่มีขนาดเล็กลงยังทำให้การเผชิญหน้ากับการ์เดียนมีความน่ากลัวมากขึ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับการ์เดียนในเกม Fall of Avalon ที่ไม่น่ากลัวเลย
จริงๆ แล้ว แผนที่ที่มีขนาดเล็กลงนั้นดีกว่าโลกเปิดมาก โลกเปิดจะดูดีได้ต่อเมื่อมีการออกแบบอย่างละเอียดรอบคอบในทุกมุมและทุกจุดซึ่งเป็นงานปริมาณมหาศาลที่ต้องสร้างขึ้นมา นอกเหนือจากการออกแบบให้มันทำงานได้ดีแล้ว
สรุปคือ การจำกัดพื้นที่และเนื้อเรื่องช่วยให้เกมน่าสนใจและเล่นง่ายขึ้น ในขณะที่การ์เดียนก็น่ากลัวขึ้นด้วย แผนที่ขนาดเล็กจึงดีกว่าโลกเปิดขนาดใหญ่ ที่ต้องใช้ความละเอียดรอบคอบมหาศาลในการออกแบบ
สรุป
Kings of Ruin พัฒนาจาก Fall of Avalon ในทุกด้าน ระบบเกมที่ล้ำสมัย กลไกการเล่นที่น่าสนใจ และเนื้อเรื่องที่เข้มข้น แต่อาจไม่เหมาะกับผู้ไม่สันทัดภาษาอังกฤษ
แปลและเรียบเรียงจาก : https://www.shelfside.co/reviews-2022/korprototype-review